หลังจากที่ Apple เปิดตัว iOS 17 และ macOS Sonoma มีหนึ่งข่าวที่น่าสนใจสำหรับคนทำงานสาย Marketing คือการที่ browser จะลบ tracking parameters บน Private Browsing Mode โดยอัตโนมัติ
เรื่องนี้บุคคลากรสาย Marketing หลายท่าน (ที่ก็ไม่รู้ว่าเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่) ต่างก็แสดงความคิดเห็นในเชิงลบและมีความกังวลว่าจะทำให้บริษัทสามารถเก็บพฤติกรรมลูกค้าได้ไม่แม่นยำเท่าเดิม ซึ่งก็จริง แต่เราว่ามันไม่ได้ส่งผลกระทบมากถึงขนาดจนที่เราต้องไปละเมิดผู้ใช้ในที่ที่ไม่ควรรู้ข้อมูลไง
มาทำความเข้าใจเรื่องนี้กันก่อน
Table of Contents
Tracking Parameters คือไรนิ?
หลายคนน่าจะเคยเห็นข้อความลักษณะแปลกๆ บน URL ทำนองว่า
www.nokkaew.com/post?=448&utm_source=google
โอเค ไอ้ส่วนที่ www.nokkaew.com เราเข้าใจ มันคือชื่อเว็บไซต์ไง แต่ไอ้ข้อความหลังจากนั้นมันคืออะไรล่ะ? นั่นล่ะครับคือสิ่งที่เรียกว่า parameter ที่อยู่บน URL ใช้สำหรับส่งค่าไปยังหน้าอื่นๆ หรือติดไว้เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์
ซึ่ง parameters บน URL มีหลายแบบและใช้งานต่างกันตามสถานการณ์ ที่เราจะมาพูดถึงกันคือ tracking parameters ที่มีจุดประสงค์เพื่อติดตามการใช้งานผู้เยี่ยมชมโดยเฉพาะ ถ้าในตัวอย่างด้านบนมันก็คือ utm_source=google นั่นเอง
การเพิ่ม parameter ลงไปในลิงก์เป็นหนึ่งในวิธีที่ผู้ลงโฆษณาหรือเจ้าของเว็บไซต์ใช้เก็บพฤติกรรม มีข้อดีกว่าการใช้คุกกี้ที่ส่วนใหญ่ถือว่าเป็น Third-Party Data ที่บางครั้งจะโดน browser บล็อก หรือเมื่อข้ามไปยังเว็บไซต์อื่นก็ไม่สามารถติดตามต่อได้
ใครอยากลองเล่นก็แปะลิงก์เว็บไซต์ไว้บน post facebook แล้วคลิกเข้าลิงก์ จะพบว่ามีข้อความ ?fbclid= ตามด้วยรหัสยาวๆ ต่อท้าย URL มา ซึ่งพวกนี้เป็นเครื่องมือที่นักการตลาดชอบใช้ เพื่อที่จะได้ทราบข้อมูลผู้ใช้และนำไปวิเคราะห์ต่อได้
Private Browsing Mode คือไรนิ?
ตามชื่อเลย คือการ browse หรือเยี่ยมชมเว็บในโหมดความเป็นส่วนตัว เช่น incognito mode ที่รายละเอียดในการท่องเว็บอย่างหน้าที่คุณเยี่ยมชม ประวัติการค้นหา หรือข้อมูลการป้อนอัตโนมัติ ก็คือพวก history ต่างๆ จะไม่ถูกบันทึกไว้ และเว็บไซต์ที่เยี่ยมชมก็จะไม่แชร์ข้อมูลกับอุปกรณ์เครื่องอื่นๆ ด้วย
พอเห็นภาพตามแล้วไหมครับ ว่าโหมดส่วนตัวมันก็ต้องส่วนตัวสิ
แต่! ต้องย้ำไว้ก่อนว่า incognito mode ไม่ใช่ sand box ระดับเทพเจ้าที่จะไม่เกิด digital footprint เลยซะทีเดียว เพียงแต่ข้อมูลจะไม่ถูกเก็บฝั่ง client เฉยๆ ส่วนฝั่ง server ก็จะยังมี log นั่นโน่นนี่เกิดขึ้นอยู่เหมือนเดิมจ้า
Link Tracking Protection คือไรนิ?
Apple อาจมองว่า tracking parameters เป็นส่วนที่ลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากเกินไป และควรจะถูกจำกัดเอาไว้
link tracking protection เป็นฟีเจอร์ใหม่ของ Safari บน iOS 17 และ macOS Sonoma หากคุณเล่นเว็บใน private browsing mode ระบบจะตรวจหา tracking parameters ที่อยู่บน URL แล้วลบเฉพาะส่วนนั้นทิ้งโดยอัตโนมัติ พวก parameters อื่นที่ไม่ใช้การ track ก็จะยังอยู่และ URL ไม่เสียหาย เล่นเว็บได้ปกติ
โดย link tracking protection จะทำงานไม่ว่าจะเปิดลิงก์จาก social media, email หรือ message หากคุณอยู่บน private browsing mode
ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือไรนิ?
ผู้ใช้จะไม่ถูกติดตามพฤติกรรม จาก tracking parameter เมื่อใช้งาน private brosing mode และแน่นอนนักการตลาดจะไม่สามารถทราบพฤติกรรมผู้ใช้ผ่านการ tracking parameter บน private brosing mode ได้
หากคุณเป็นนักการตลาดที่รู้สึกว่าได้รับผลกระทบจากข้อมูลผู้ใช้งานที่หายไป ผมในฐานะคนทำเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการตลาดอยากชวนให้ลองพิจารณาอีกครั้งว่าส่วนนี้เป็นพื้นที่ที่เราควรเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้หรือไม่?
อ้างอิง: